Pages

Friday, February 18, 2011

เกณฑ์เทียบสีเม่นแคระ

เนื่องจากมีคำถามเกิดขึ้นมากมายจากการดูสีเม่นแคระ บางครั้งทำให้เราสับสนกับการเรียกเม่นแคระของเรา ผู้เขียนจึงได้ไปค้นหาข้อมูลเพื่อเป็นประโยชน์ทั้งกับตนเองและผู้อื่น จนได้ข้อมูลดีๆ จากเว็ป thailovepet มา จึงขอขอบคุณจริงๆ ค่ะ คราวนี้ทำให้เราหายสับสน และไขข้อข้องใจไปได้มากทีเดียว ต้องขออนุญาตินำรูปมาลงด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ

เม่นแคระที่เลี้ยงกันในโลกใบนี้นั้น มีอยู่หลายๆสายพันธุ์ด้วยกัน โดยแต่ละสายพันธ์ ก็มีลักษณะและโทนสีที่แตกต่างกันออกไป เป็นการยากมากที่เรา จะจำแนกแยกแยะสีเม่นแคระออกมาทั้งหมด ตามสายพันธุ์ที่มีอยู่ ตามสีที่เกิดขึ้นได้ ทั้งนี้เพราะ ยังไม่มีการจัดเก็บรายละเอียดข้อมูลๆที่แน่นอน อย่างเป็นระบบ ระเบียบ จึงทำให้เกิดความสับสน ในการให้รายละเอียดสีเม่นแคระ อีกทั้ง การผสมพันธ์ของเม่นแคระที่ไม่ได้มีการควบคุม ทำให้เกิดโทนสีที่แตกต่างออกมาอีกมากมาย


สำหรับประเทศไทยนั้น เม่นแคระได้ถูกนำเข้ามาเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงตามบ้านเรือน และได้รับการดูแล ผสมพันธ์อย่างไม่มีการควบคุมเช่นกัน จึงทำให้เกิดโทนสี ที่แตกต่างกันออกมาอีกมากมาย เพื่อให้ง่ายต่อการแยกแยะ เปรียบเทียบสีเม่นแคระ จึงได้จัดทำหน้าเว็บเพจนี้ขึ้นมา โดยมีรายละเอียดของแต่ละสี ที่นิยมใช้เรียกกันในประเทศไทย รูปภาพประกอบ ในการทำความเข้าใจ เพื่อใช้ประโยชน์ในการอ้างอิง เปรียบเทียบสีเม่นแคระกันในเบื้องต้น

กลุ่มสีเบื้องต้น
ชื่อสี
ลักษณะภายนอกต่างๆ
ตัวอย่าง
NORMAL
หนาม: พาดด้วยสีดำ
หน้า: สีดำ,คล้ำ
ผิวหนังใต้หนาม: สีดำ,คล้ำ
ตา: สีดำ
จมูก: สีดำ,คล้ำ
หู: สีดำ,คล้ำ
อื่นๆ: สำหรับเม่นสีนี้มักมีสีเข้มมาก-น้อย แตกต่างกันนิดหน่อย สามารถดู หรือ สังเกตุสีได้ตั้งแต่เม่นอายุน้อยๆ
CHOCOLATE
หนาม: พาดด้วยสีน้ำตาลเข้ม ค่อยข้างจะไปทางดำ หรือสีน้ำตาลไหม้ เหมือนสีช็อกโกแลตที่เราทานๆกัน
หน้า: สีน้ำตาล
ผิวหนังใต้หนาม: สีน้ำตาล
ตา: สีดำ
จมูก: สีน้ำตาลเข้ม ค่อยข้างไปทางดำ
หู: สีน้ำตาล
อื่นๆ: สำหรับเม่นสีนี้ การสังเกตุสีตั้งแต่เม่นอายุน้อยๆ นั้นค่อนข้างยาก ต้องรอให้เม่นผลัดขนรอบที่ 2 คืออายุประมาณ 5 เดือนขึ้นไป
BROWN
หนาม: พาดด้วยสีน้ำตาลอ่อน
หน้า: สีน้ำตาลอ่อน
ผิวหนังใต้หนาม: สีน้ำตาลอ่อน
ตา: สีดำ
จมูก: สีน้ำตาลอ่อน
หู: สีน้ำตาลอ่อน
อื่นๆ: สำหรับเม่นสีนี้ สามารถดู หรือ สังเกตุสีได้ตั้งแต่เม่นอายุน้อยๆ
CINNAMON
หนาม: พาดด้วยสีเทาน้ำตาล
หน้า: ขาว
ผิวหนังใต้หนาม: สีชมพู
ตา: สีดำ หรือ ดำอมแดง(ดำมากกว่าแดง)
จมูก: สีตับอ่อน
หู: สีชมพู
อื่นๆ: สำหรับเม่นสีนี้ สามารถดู หรือ สังเกตุสีได้ตั้งแต่เม่นอายุน้อยๆ ความแตกต่างระหว่างเม่นสีนี้กลับ Brown คือสีผิวหนังใต้หนาม และสีของจมูกโดย Brown นั้นสีผิวหนัง และจมูก จะค่อยข้างไปทางคล้ำ แต่ Cinnimon จะค่อยข้างไปทางใส
CINNICOT
หนาม: พาดด้วยสีเทาอมส้ม หรือ น้ำตาลอมส้ม
หน้า: ชมพู
ผิวหนังใต้หนาม: สีชมพู
ตา: สีดำ หรือ ดำอมแดง(ดำมากกว่าแดง)หรือ แดงอมดำ(แดงมากกว่าดำ)
จมูก: สีชมพู
หู: สีชมพู
อื่นๆ: สำหรับเม่นสีนี้ สามารถดู หรือ สังเกตุสีได้ตั้งแต่เม่นอายุน้อยๆ
APRICOT
หนาม: พาดด้วยส้ม
หน้า: ชมพู
ผิวหนังใต้หนาม: สีชมพู
ตา: สีแดงเข้ม หรือ สีทับทิม
จมูก: สีชมพู
หู: สีชมพู
อื่นๆ: สำหรับเม่นสีนี้ สามารถดู หรือ สังเกตุสีได้ตั้งแต่เม่นอายุน้อยๆ
ALBINO
หนาม: สีขาวล้วนทั้งเส้น ไม่มีสีอื่นปน
หน้า: ชมพู
ผิวหนังใต้หนาม: สีชมพู
ตา: สีแดงใส
จมูก: สีชมพู
หู: สีชมพู
อื่นๆ: สำหรับเม่นสีนี้ สามารถดู หรือ สังเกตุสีได้ตั้งแต่เม่นอายุน้อยๆ ลักษณะจะเป็นสีเผือก เหมือนสัตว์หลายๆชนิด มักเรียกกันง่ายๆว่า "ขาวตาแดง"
กลุ่มสีพิเศษ
ชื่อสี
ลักษณะภายนอกต่างๆ
ตัวอย่าง
X-SNOWFLAKE
ลักษณะ: โดยรวมจะดูเหมือนกลุ่มสีพื้นข้างต้น แต่จะมีหนามสีขาวทั้งเส้น ขึ้นแซมอยู่ทั่วทั้งตัวประมาณ 30-70%
อื่นๆ: สำหรับเม่นสีนี้ การสังเกตุสีตั้งแต่เม่นอายุน้อยๆ นั้นค่อนข้างยาก ต้องรอให้เม่นผลัดขนรอบที่ 2 คืออายุประมาณ 5เดือนขึ้นไปถึงจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลง สำหรับเม่นที่ซื้อขายกันในอายุประมาณ 2 เดือน สามารถดูแวว หรือความน่าจะเป็นได้ แต่ก็ไม่แน่นอน 100 %
X-WHITE
ลักษณะ: โดยรวมจะดูเหมือนกลุ่มสีพื้นข้างต้น แต่จะมีหนามสีขาวทั้งเส้น ขึ้นแซมอยู่ทั่วทั้งตัวมากกว่า 95%
อื่นๆ: สำหรับเม่นสีนี้ การสังเกตุสีตั้งแต่เม่นอายุน้อยๆ นั้นค่อนข้างยาก ต้องรอให้เม่นผลัดขนรอบที่ 2 คืออายุประมาณ 5เดือนขึ้นไปถึงจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลง มักเรียกกันง่ายๆว่า "ขาวตาดำ"
X-PINTO
ลักษณะ: โดยรวมจะดูเหมือนกลุ่มสีพื้นข้างต้น แต่จะมีหนามสีขาวทั้งเส้น ขึ้นแซมอยู่เป็นกลุ่มๆ มีบริเวณ เป็นจุดๆ
อื่นๆ: สำหรับเม่นสีนี้ สามารถดู หรือ สังเกตุสีได้ตั้งแต่เม่นอายุน้อยๆ
ตารางเกณฑ์เทียบสีเม่นแคระ
ชื่อสี
หนาม
หน้า
ผิว
ตา
จมูก
หู
อื่นๆ
NORMAL
ดำ
ดำ,คล้ำ
ดำ,คล้ำ
ดำ
ดำ,คล้ำ
ดำ,คล้ำ

CHOCOLATE
น้ำตาลเข้มหรือน้ำตาลไหม้จวนจะดำ
น้ำตาล
น้ำตาล
ดำ
น้ำตาลเข้ม
น้ำตาล
รอโต
BROWN
น้ำตาลอ่อน
น้ำตาลอ่อน
น้ำตาลอ่อน
ดำ
น้ำตาลอ่อน
น้ำตาลอ่อน

CINNAMON
เทาน้ำตาล
ขาว
ชมพู
ดำ,ดำอมแดง
ตับอ่อน
ชมพู

CINNICOT
เทาอมส้ม,น้ำตาลอมส้ม
ชมพู
ชมพู
อะไรก็ได้
ชมพู
ชมพู

APRICOT
ส้ม
ชมพู
ชมพู
แดงเข้ม ทับทิม
ชมพู
ชมพู

ALBINO
ขาวทั้งเส้น
ชมพู
ชมพู
แดงใส
ชมพู
ชมพู

X-SNOWFLAKE
ลักษณะโดยรวมเหมือนกลุ่มสีพื้นข้างต้น แต่มีหนามสีขาวทั้งเส้นแซมอยู่ทั่วตัวประมาณ 30-70%
รอโต
X-WHITE
ลักษณะโดยรวมเหมือนกลุ่มสีพื้นข้างต้น แต่มีหนามสีขาวทั้งเส้นแซมอยู่ทั่วตัวมากกว่า 95%
รอโต
X-PINTO
ลักษณะโดยรวมเหมือนกลุ่มสีพื้นข้างต้น แต่มีหนามสีขาวทั้งเส้นแซมอยู่เป็นกลุ่มๆ มีบริเวณ เป็นจุดๆ



บทความจาก : www.thailovepet.com

Monday, August 9, 2010

อุปกรณ์ในการเลี้ยงเม่นแคระ

อุปกรณ์ที่ควรรู้ก่อนจะเลี้ยงเม่นแคระ

สำหรับหลายๆ ท่านที่เริ่มเลี้ยงเม่น แต่ยังไม่รู้ว่าควรจะมีอุปกรณ์อะไรบ้างในการเลี้ยง อุปกรณ์ที่ต่างๆ มีดังนี้


160
1. กล่องสำหรับเลี้ยงเม่นแคระ
มีหลายแบบ ทั้งบ้านเดียว คอนโด มีให้เลือกมากมาย ขนาดนั้นขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้เลี้ยงเป็นส่วนใหญ่ แต่ เล็กสุดไม่ควรต่ำกว่า 40x30x20 เซนติเมตร ง่ายๆก็กล่องใส่ของที่เราสามารถซื้อได้ตาม ห้างสรรพสินค้าทั่วไป ทำช่องสำหรับระบายอากาศ เพื่อป้องกัน การหมักหมมของ สิ่งที่ไม่พึงประสงค์



img_0359
2. บ้านสำหรับหลบนอน
เนื่องจากเม่นแคระเป็นสัตว์ที่ออกหากินในตอนกลางคืน ดังนั้นในตอนกลางวันมันมักจะหลบตามโพรงไม้ สำหรับเม่นเลี้ยงคงไม่ต้องหาโพรงไม้ให้ เพียงแต่ท่านมีบ้านให้เขาไว้หลบนอน ก็เพียงพอแล้ว ส่วนขนาดของตัวบ้าน ก็ไม่ต้องใหญ่มากไป จนทำให้พื้นที่ในการเดินหมดไป  และ ก็ไม่ควรเล็กมากจนเข้าไม่ได้ หรือ เข้าแล้วออกไม่ได้ 

refood_bowl
3. ถ้วยสำหรับใส่อาหาร
ใช้แบบไหนก็ได้ ทั้ง ดินเผา พลาสติก หรือจะเซรามิก ทั้งนี้ ระวังเรื่องความสะอาด เพราะถ้วยแต่ละชนิดมี ข้อดีไม่เหมือนกัน เช่นพลาสติก ล้างง่ายแต่ เบา เม่นจะทำอาหารหกบ่อย สำหรับถ้วยหนักๆ หลายๆ ท่านก็คงจะได้ยินเสียงคว่ำถ้วยกันบ้างหล่ะ อันนี้ก็อยู่ที่นิสัยของเม่นแต่ละตัว บางทีถ้วยดินเผาใหญ่หน่อย เม่นก็ลงไปนอน เล็กหน่อย ก็จับคว่ำทั้งคืน

0113
4. ขวดน้ำ หรือกระบอกน้ำ
น้ำที่เราจะให้เม่น บางคนถามว่า ใส่ถ้วยได้ไหม ตอบว่าได้ แต่ท่านก็จะเจอปัญหา ขี้เลื่อยเปียกน้ำ เพราะว่า เม่น หลายตัวชอบคว่ำถ้วย น้ำในถ้วยก็หก แถมเดินไปเดินมา ขี้เลื่อยตกลงไปในถ้วย น้ำเน่า เม่นกินน้ำ อาจทำให้เม่นท้องเสีย หรืออาจถึงตายได้ ดังนั้นเป็นสิ่งจำเป็นมากสำหรับการให้น้ำโดยใช้กระบอกน้ำ และส่วนใหญ่คนเลี้ยงสัตว์มักจะใช้กระบอกน้ำไม่ว่าจะเป็น หนู เม่น กระต่าย ชูการ์ไกรเดอร์ กระรอก เป็นต้น กระบอกน้ำนั้นมีขายตามร้านขายสัตว์เลี้ยง หรือร้านขายอาหารสัตว์ หาซื้อง่าย กระบอกน้ำมีหลายแบบและหลายราคาสามารถเลือกซื้อได้ตามกำลังซื้อของแต่ละท่าน

spd_20081106200407_b
5. ขี้เลื่อยสำหรับรองพื้นกล่อง
ขี้เลื่อยนี่ก็เป็นสิ่งจำเป็นเช่นเดียวกันสำหรับการเลี้ยงเม่น เพราะช่วยให้เม่นได้เข้าไปมุดเล่น รองพื้นกรง ทำให้เม่นเดินได้สะดวกขึ้น ขาไม่แบะไปแบะมา และยังช่วยซับสิ่งสกปรกได้ดี ขี้เลื่อยปัจจุบันนี้มีหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นพวกซังข้าวโพด เปลือกไม้ แต่ขอแนะนำขี้เลื่อยอัดแท่ง เพราะถูกสุขอนามัย และสามารถซับฉี่ กลิ่น และสิ่งสกปรกได้ดี การเลือกซื้อ ควรเลือกขี้เลื่อยที่ไม่ค่อยเป็นผง เพราะยิ่งเป็นผง ฝุ่นก็เยอะตามไปด้วย อาจทำให้เม่นเกิดอาการคันได้

0121
6. มัลติ-วิตามิน
เป็นวิตามินผสมน้ำสำหรับสัตว์เลี้ยง เพื่อช่วยเสริมสารอาหารที่ขาดหายไป และยังช่วยไม่ให้เม่นเกิดอาการเครียดขึ้นได้ ส่วนการเลือกซื้อนั้น ใช้ยี้ห้อใดก็ได้ ขวดหนึ่งราคา ไม่กี่สิบบาท วิธีใช้งานก็ง่ายๆ หยดเพียง 1 – 2 หยดใส่ในกระบอกน้ำที่ให้ครับ แต่จะไม่ให้ก็ได้ แต่ถ้าให้แล้วควรเลือกจากแหล่งผลิตที่น่าเชื่อถือ ไม่แนะนำที่เป็นซองเขียวๆ เพราะเสียง่าย

7. อาหารแมว
อาหารแมวชนิดเม็ด ปัจจุบันมีขายหลายรส หลายยี่ห้อ สามารถเลือกซื้อได้ตามสะดวก

8. ประเภท ของเล่นเม่น
อุปกรณ์การวิ่ง จะเป็นวงล้อวิ่งแบบหนู แต่จะอันใหญ่กว่า ส่วนของเล่นอื่นๆ ก็คงต้องระวังเรื่อง สารเคมี ไม่ควรเล็กจนทำให้เม่นเอาไปกินได้ แต่ถ้าเป็นที่วิ่งก็ต้องดูดีๆ ด้วย ที่วิ่งบางประเภท มีซี่ลวด อาจทำให้ขาเม่นไปติดได้นอกจากนี้แล้วของเล่นของเม่นยังมีพวก ท่อ เหมือนพวกท่อน้ำใหญ่ๆ ใช้ได้เช่นเดียวกัน แต่ถ้าแบบดีๆ ก็ขดเคี้ยวไปมา มีไว้สำหรับให้เม่นมุดเล่น


บทความจาก : www.thaipetonline.com

Saturday, August 7, 2010

ลักษณะนิสัยเม่นแคระ

เม่นแคระเป็นสัตว์สันโดษ หากินตัวเดียวในตอนกลางคืน กลางวันนอน มีนิสัยชอบอยู่ตัวเดียว หวงอาณาเขตบริเวณหากินของตัวเอง ดังนั้นไม่แนะนำให้เลี้ยงเม่นแคระมากกว่า 1 ตัวในพื้นที่เลี้ยงเดียวกัน เพราะอาจเป็นสาเหตุให้เม่นแคระต่อสู้ กัดกัน เพื่อแย่งชิงอาณาเขตบริเวณในการหาอาหาร แนะนำให้เลี้ยงแยกกันโดยเด็ดขาด อาจจับรวมกันได้บ้าง กรณีต้องการจับคู่ผสมพันธุ์เมื่อเม่นแคระอยู่ในวัยที่เหมาะสม คือช่วงอายุประมาณ 5 เดือนขึ้นไป

เม่นแคระเป็นสัตว์ขี้ระแวง ชอบหลบซ่อนตัวในตอนกลางวัน ถ้ามีอะไรผิดปกติหรือไม่คุ้นเคย เม่นแคระมักจะซุกตัวหาที่ซ่อน หรือขดตัวม้วนกลม เก็บขา หน้าตา และทำหนามตั้งชันขึ้น เพื่อเป็นการป้องกันตัวเองจากอันตราย แต่หากเม่นแคระได้กลิ่นแปลกๆจากวัตถุ สิ่งของต่างๆ เม่นแคระมักจะกัดและเคี้ยววัตถุสิ่งของดังกล่าวจนเกิดเป็นฟองน้ำลาย แล้วนำฟองน้ำลายดังกล่าวมาแปะติดไว้ตามตัว เพื่อจดจำกลิ่นดังกล่าว หรือปรับตัวเองให้มีกลิ่นเหมือนสภาพแวดล้อม ซึ่งเป็นลักษณะนิสัยตามปรกติของเม่นแคระทุกๆตัว ดังนั้นควรระมัดระวัง และหาทางป้องกันไม่ให้เม่นได้รับอันตรายจากพฤติกรรมนี้ ด้วยการไปกัด เคี้ยววัตถุที่มีพิษ จนอาจทำให้ได้รับสารพิษดังกล่าวเข้าสู่ร่างกายและเสียชีวิตได้ อีกอย่างผู้เลี้ยงเม่นแคระใหม่ๆ ควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับพฤติกรรมนี้ จะได้ไม่ตกใจจนเกินเหตุ เมื่อเห็นเม่นแคระแสดงพฤติกรรมดังกล่าวข้างต้นนี้ เช่น ตอนเปลี่ยนอาหารแมวรสใหม่ให้เม่นแคระ หรือการที่เปลี่ยนถ้วยอาหาร หรืออุปกรณ์ใหม่ๆเข้าไปในพื้นที่การเลี้ยงดู

บทความจาก : http://www.thailovepet.com

เม่นแคระ African pygmy hedgehog

African pygmy hedgehog หรือ เม่นแคระ 


     หรือชื่อไทยอื่นๆ ที่เคยได้ยินคนเรียกขานถึงสัตว์ชนิดนี้กัน เช่น "เม่นจิ๋ว" ,"เม่นสี " ,"ทุเรียนเดินได้" ,"เงาะหนาม" ชื่อเหล่านี้ล้วนเกิดจากลักษณะจุดเด่นของสัตว์ตัวนี้ทั้งนั้น ด้วยลำตัวที่ปกคลุมไปด้วยหนามทั่วทั้งตัว หรือพฤติกรรมเพื่อป้องกันตัวเองจากศัตรู ด้วยการขดตัวม้วนกลม จนมองไม่เห็นขา หรือหน้าตา นอกจากหนามรอบตัว
     เม่นแคระถือว่าเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็ก โตเต็มที่มีขนาดใกล้เคียงกับหนูแกสปี้ หากินตามพื้นดิน อาหารหลักคือพวกแมลง หนอน สัตว์เล็กๆที่อยู่ตามพื้นดิน ออกหากินในตอนกลางคืน และพักผ่อน หลบซ่อนตัวเองจากศัตรูในตอนกลางวัน มีจุดเด่นคือผิวหนังด้านบนจะปกคลุมด้วยหนามแข็งๆทั่วทั้งตัว โดยหนามจะมีโทนสีที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละตัว ส่วนผิวหนังด้านล่างส่วนท้องของลำตัวนั้นจะปกคลุมด้วยขนอ่อน มีลักษณะหยาบนิดหน่อย ไม่แข็งเป็นหนามเหมือนด้านบน
     สำหรับถิ่นกำเนิดจุดเริ่มต้นของสัตว์ชนิดนี้ มาจากทวีปแอฟริกา และมีการนำมาเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยง และ มีการพัฒนาสายพันธุ์กันในแถบยุโรป อเมริกา จนทำให้ได้ลักษณะเม่นที่แตกต่างกันมากมาย ทั้งในด้านของสีหนามและลักษณะภายนอกอื่นๆ จนมีการตั้งชื่อและกำหนดลักษณะมาตรฐานสีชื่อกันขึ้นมาImage
     สำหรับประเทศไทยนั้น เม่นแคระได้ถูกนำเข้ามาเพื่อเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงตามบ้านเรือน เช่นเดียวกัน ซึ่งก็ถือว่าเป็นสัตว์เลี้ยงที่มีจุดเด่นของตัวเอง เลี้ยงง่าย ดูแลก็ง่าย อีกทั้งพื้นที่ ที่ใช้ในการเลี้ยงก็น้อย และเรื่องของอาหารการกินที่ต้องจัดเตรียมให้เขา ก็ไม่ยุ่งยากมากนัก โดยเราสามารถให้อาหารแมวที่มีขายอยู่ตามท้องตลาดทั่วไปได้ แล้วอาจจะเสริมด้วยหนอนนก(อาหารสุดโปรดของเม่นแคระ) หรือผลไม้ที่มีรสหวาน อาทิเช่น แอปเปิ้ล บ้างเป็นบ้างครั้งก็ได้


บทความจาก : http://www.thailovepet.com